วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

call of duty modern warfare 2






 


คะแนน 9.6/10
ข้อดี:กราฟฟริกสมจริง ไม่กินสเป็ก ความสนุกดุจภาพยนต์
ข้อเสีย:คล้ายภาคแรกไปน่อย ระบบiwnet ยังไม่ดี

 ครั้ง แรกที่ผมเล่นเกม Call of Duty: Modern Warfare 2 นั้นเป็นเวลาราว 2 ทุ่ม ผมใส่แผ่นเข้าไปในเครื่อง XBOX 360 แล้วก็หยิบจอยคอนโทรลเลอร์ขึ้นมาพร้อมๆ กับที่โลโก้อินฟินิตี้วาร์ดขึ้นมาบนหน้าจอ ผมวางจอยลงตอนเวลาประมาณตี 3 และหน้าจอที่ขึ้นมาตอนนั้นคือรายชื่อผู้ผลิตเกม ความรู้สึกของผมตอนนั้นเหมือนกับว่าได้ดูภาพยนตร์สุดระทึกจนเต็มอิ่มไป เรื่องใหญ่ๆ เลยทีเดียว

           สิ่งที่น่าสนใจของเกม Modern Warfare 2 ก็คือมันไม่ได้สร้างขึ้นมาจากองค์ประกอบเกมเพียงอย่างเดียว แต่ผู้สร้างยังนำสื่ออื่นเข้ามาผสมผสานเข้าไปในเกมอีกด้วย ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คงจะเป็นสื่อภาพยนตร์ ไม่เพียงแต่หลายๆ ฉากในเกมจะมาจากภาพยนตร์เท่านั้น แต่ทั้งตัวเนื่อเรื่อง และการเล่าเรื่องยังทำได้น่าติดตาม กระชับ รวดเร็ว และมีการหักมุมในจุดต่างๆ ให้ผู้เล่นลุ้นอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดเรื่องไปทั้งๆ ที่เราอยู่ในช่วงวิกฤติก็ดี การฆ่าตัวละครที่เราเล่นอยู่ก็ดี เกมนี้มักจะมีสถานการณ์ต่างๆ ให้เราคอยลุ้นตลอดเวลา จนเราไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่า ถึงทำภารกิจผ่านก็จะรอดชีวิตไปได้
           อีกข้อสำคัญก็คือการที่มันสามารถ “เวอร์” ได้สุดๆ เหมือนกับภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดยังไงยังงั้น อย่างการนำสงครามเข้ามาอยู่ในใจกลางของอเมริกาที่กรุงวอชิงตัน ดีซี อันเต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่ผู้เล่นคุ้นเคยนั้น ก็เป็นอีกองค์ประกอบของความเวอร์ที่แม้แต่ภาพยนตร์เองก็เลียนแบบได้ยาก คุณต้องสอยคอปเตอร์ที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ยิงหน่วยสเปซนาสที่สวนหน้าบ้าน และบุกเข้าทำเนียบขาวซึ่งเป็นรังของศัตรู ซึ่งสามารถสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ได้เป็นอย่างดี

           แน่นอนว่าเกมนี้ไม่ได้สักแต่ใส่ฉากเข้ามาเพื่อดึงความสนใจของผู้ เล่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการเน้นเรื่องของ “ประสบการณ์ระยะประชิด” ซึ่งเป็นจุดเด่นของเกม FPS ได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องที่เรามักจะต้องถูกจ่อยิงระยะประชิดอยู่บ่อยๆ (แน่นอนว่าถึงบ่อยแต่ก็ยังเซอร์ไพร์สอยู่ดี) หรือฉากที่โซป พระเอกของเราต้องโรยตัวของมาเพื่อสังหารศัตรูจากด้านหลังนั้นก็เป็นตรงหนึ่ง ที่ผมคิดว่าสามารถสร้างประสบการณ์ระยะประชิดได้ไม่เลวเลย


          
 องค์ ประกอบศิลป์ของเกมนี้ก็เป็นอีกข้อที่หาข้อติได้ยาก ความลงตัวของแสงและสีในฉากต่างๆ สามารถเสริมความงามของภาพได้โดยไม่สิ้นเปลืองสเป็คเลย อีกทั้งยังมีการสร้างเนื้อเรื่องให้ฉากน่าสนใจอีกด้วย เช่นหลังจากที่หัวรบนิวเคลียร์เกิดระเบิดขึ้นในชั้นบรรยากาศและปล่อยคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้ามาทำให้ไฟดับทั้งเมืองจนกลายเป็นฉากที่เราต้องเดินไปท่ามกลาง เมืองที่มืดมิดและมีเพียงกองไฟจากซากปรักหักพังเป็นแสงส่องทางนั้น เป็นฉากที่สวยแปลกตามากเลยทีเดียว ทั้งที่เพียงแค่ดับไฟลงไปเท่านั้น
           อย่างไรก็ตาม ข้อดีทั้งหลายทั้งแหล่ที่กล่าวมานั้น อาจพูดได้ว่าเกือบครี่งนั้นสามารถหาได้ในภาดแรกเช่นกันผู้สร้างยังต้องทำ การบ้านมากกว่านี้ในเรื่องของการฉีกแนวออกไป เพราะในหลายๆ ส่วนของเกมยังให้ความรู้สึกของภาคที่แล้วอยู่มาก นอกจากนี้ บทพูดที่แต่งออกมาได้ราวกับบทภาพยนตร์นั้นยังมีปัญหาอยู่ ตรงที่มันเขียนได้ดีซะจนอ่านไม่ทันเลยทีเดียว บทพูดสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างแยบคายและได้อารมณ์ แต่บางครั้งในขณะที่เราต้องวิ่งหลบกระสุน การอ่านบทพร้อมทำความเข้าใจก็เป็นเรื่องยากลำบาก และน่ารำคาญอยู่เล็กน้อย


           นอกจากโหมดเนื้อเรื่องแล้ว ในภาคนี้ผู้สร้างยังได้ใส่ โหมด Special Operations หรือ Spec Ops ไว้เพื่อเล่นกันสองคนอีกด้วย ซึ่งโหมดนี้ผมคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่คอนโซลได้เปรียบพีซีอยู่มาก เพราะการเล่นพีซีนั้นถ้าไม่ต่อแลนก็จำเป็นต้องเล่นผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งทำให้ผู้เล่นทั้งสองไม่ได้อยู่ด้วยกัน ทำให้การนัดแนะแผน (ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญมากๆ ในการเล่น) ทำได้ลำบาก ในขณะที่ในคอนโซลคุณสามารถยื่นจอยให้เพื่อน และร่วมเล่นไปกับเขา นัดแนะไปกับเขา ด่าเขา หรือตบหัวเขาเวลาเล่นแย่ๆ ก็ยังได้
           สำหรับคนที่ผ่าน Modern Warfare 2 มาแล้วก็คงรู้ว่า เนื้อเรื่องมันชวนให้ทำภาคต่อเสียเหลือเกินแถมดูจากยอดขายของภาคนี้แล้วทำ ให้เชื่อขนมกินได้เลยว่า ยังไงอินฟินิตี้วาร์ดก็คงมีแผนที่จะขนภาคต่อออกมาแน่ๆ ซึ่งตัวผมเองก็ยังคงรออยู่อย่างใจจดใจจ่อ เพื่อที่จะโดดเข้าร่วมสงครามที่ดูราวกับภาพยนตร์อีกครั้ง

 รีวิวโดย
สงฟาง    จรุงกิจอนันต์